บทเรียนที่ได้จาก "นักฟุตบอลเสี้ยวลิ้มยี่" ของ "อู๋ ม่ง ต๊ะ" part 3
คู่คิดตำนานชั่วกัลปวสานของ โจว สิง ฉือ
ภายหลังมีชื่อเสียงกับหญิงเราคนไหนกันแน่อย่าสัมผัส ในปี 1990 อู๋ ม่ง ต๊ะ ได้พบกับหน้าที่รวมทั้งคู่ขวัญที่พอดีที่สุดของเขาโน่นเป็นการจับคู่กับ โจว สิง ฉือ ดารารุ่นน้องที่กำลังจะจ่อคิวเป็นราชาภาพยนตร์ตลกคนถัดไป
อู๋ ม่ง ต๊ะ เข้าคู่กับ โจว สิง ฉือ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากว่าเป็นผู้ที่มีเคมีนอกหน้าจอที่คล้ายคลึงกัน กระทั่งนำมาซึ่งการทำให้เล่นกันโบ๊ะบ๊ะเปลี่ยนเป็นคู่ผู้แสดงนำชายพระรองในตำนาน อีกทั้งจากเรื่อง คนเล็กเด็กนักเรียนโต (Fight Back to School เข้าฉายปี 1991), คนกัดคน (Tricky Brains เข้าฉายปี 1991) และก็ ซีรี่ส์ "คนเล็ก" ต่างๆมากไม่น้อยเลยทีเดียว จวบจนกระทั่งมาพีคสุดๆก็ตอน นักฟุตบอลเสี้ยวลิ้มยี่ ที่รู้จักกันอีกทั้งบ้านทั่วทั้งเมือง
โชคร้ายที่ตำนานของทั้งสองมาถึงกาลอวสาน โดยมี นักฟุตบอลเสี้ยวลิ้มยี่ เกิดเรื่องในที่สุดที่ได้ร่วมงานกัน เวลานั้นมีกระแสข่าวลือกล่าวถึงทั้งสองว่ามีเรื่องมีราวขัดแย้งไม่รู้เรื่องกัน จนกระทั่งทำให้ โจว สิง ฉือ ไม่คีบ อู๋ ม่ง ต๊ะ ไปเล่นในเรื่อง คนเล็กหผูกเทพเทวดา (Kung Fu Hustle เข้าฉายปี 2004) แล้วก็ คนเล็กของเด็กเล่นใหญ่ (CJ7 เข้าฉายปี 2008) ที่โดนคนวิภาควิจารณ์กันว่าไม่ตลกเสมือนในขณะที่จับคู่กับ อู๋ ม่ง ต๊ะ เท่าไรนัก
หัวข้อนี้ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่ว่าทำไมกันแน่ทั้งสองก็เลยห่างเหินกัน และไม่ได้เกี่ยวข้องกันเป็น 10 ปี ตราบจนกระทั่งที่มีการเผยจาก อู๋ ม่ง ต๊ะ ในวันหลังว่า "ด้วยเหตุว่าไม่มีบทที่สมควรให้กับเขาใน CJ7" ก็เลยทำให้มิได้มองเห็นเขาในหนังประเด็นนี้
หากแม้ปัญหาที่จริงจริงบางทีอาจจะไม่มีผู้ใดทราบ แต่ว่าเรื่องนึงที่การันตีได้แน่เป็นเรื่องของลักษณะของการเจ็บเจ็บป่วยของ อู๋ ม่ง ต๊ะ ที่ทำให้เขาห่างจากแวดวงสำราญใจ แล้วก็รวมทั้งห่างกับ โจว สิง ฉือ ด้วย
ในปี 2014 เขาถูกแบกส่งโรงหมอ แล้วก็พบว่าเป็นโรคหัวใจติดโรค เขาก็เลยเริ่มขยายความเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องระหว่างเขารวมทั้ง โจว สิง ฉือ เยอะขึ้น
"ที่จริงแล้วพวกเราต่อเนื่องกันเมื่อ 3 ปีกลาย เขาเข้ามาหาผมภายหลังทราบดีว่าผมล้มป่วย เขาชักชวนผมไปดำเนินงานในหนังของเขาเรื่อง The Mermaid (หรือชื่อไทย นางเงือกสาว ปัง ปัง) ด้วย แม้กระนั้นผมไปมิได้เนื่องจากว่าสุขภาพของผมไม่ดีเอาเสียเลย" อู๋ ม่ง ต๊ะ กล่าว
"แต่ว่าความเกี่ยวพันของเราก็เปลี่ยนไปแบบที่จำเป็นต้องสารภาพ อาจจะเกิดขึ้นเนื่องมาจากสิ่งแวดล้อมการทำงานที่ทำให้พวกเราจำต้องห่างกัน ผมไม่เคยรู้เช่นกันว่ามิตรภาพของพวกเราจะกลับมาดังเดิมได้อย่างไร เขาควรจะมาหาผมก่อน หรือผมควรจะไปพบเขา แม้กระนั้นที่สุดแล้วมันก็เกิดเรื่องน่าอนาถอยู่ดี"
"ช่วงนี้เขามีบริษัทตนเองและก็มีชีวิตที่ดี ผมไม่เคยรู้นะว่าเขาเป็นสุขหรือไม่ ถึงแม้ขณะนี้พวกเราจะมีความคิดที่ต่างๆนาๆบ้างในประเด็นการดำรงชีวิต แต่ว่าที่แน่นอนถ้าเกิดผมได้โอกาสได้แสดงหนังของเขาอีกรอบและก็ร่วมงานกัน ผมบอกได้คำเดียวว่าผมจะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง"
แม้ว่าจะว่าแบบนั้น อู๋ ม่ง ต๊ะ ก็ไม่เคยได้กลับมาแสดงหนังอีกเลยด้วยเหตุว่าปัญหาด้านสุขภาพที่ไม่เคยจะดียิ่งขึ้น จนกว่ากำเนิดข่าวสารสลดอย่างที่พวกเราได้รู้กันว่า เขาได้ลาจากโลกใบนี้ไปแล้ว ...
การอัปเดทคราวสุดท้ายของ อู๋ ม่ง ต๊ะ ก่อนที่จะเสียชีวิต เขาเล่าว่าแพทย์ให้พักมากมายๆแต่ว่าเขาเลือกจะไปนั่งพักผ่อนไพ่นกกระจอกติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 10 ชั่วโมงด้วยเหตุว่าเป็นสิ่งที่เขาโปรด ... โดยคำสัมภาษณ์ในวันนั้นเขากล่าวตบท้ายว่า "ไพ่นกกระจอกน่ะรักษาได้ทุกๆอย่าง" ซึ่งประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะแล้วก็บอกถึงตัวตนของเขาได้อย่างดีเยี่ยม
ในที่สุดถึงแม้ตัวของ อู๋ ม่ง ต๊ะ จะจากโลกนี้ไปแล้ว แม้กระนั้นตำนานลูกคู่ของ โจว สิง ฉือ จะอยู่กับโลกใบนี้ไปชั่วกัลปวสาน ... ทุกคนจะจำหนังเรื่องท้ายที่สุดของทั้งสองอย่าง "นักฟุตบอลเสี้ยวลิ้มยี่" เหมือนกับ อู๋ ม่ง ต๊ะ เองที่ก็อาจจะมีความรู้สึกว่านี่เป็นหนังในตำนานของเขาเรื่องหนึ่งอย่างแท้จริง. เทหน้าตัก