วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2562

The Man City has come a lot! The best league of the decade

In the previous decade There are a handful of players in the Premier League who have done well, and we will have to compliment. In this scoop, the Siamsport working group helped each other select the most experienced players in the English league for the fans. Will be able to see anyone
Keeper: David De Gea (Manchester United)
Starting when he came to live with Manchester United, De Gea still has a form that does not
seem impressive. However, he has softly improved his habits with English football, even more
excellent in the league's best goalkeeper and world goalkeeper.
The distinguishing feature that we can see from Mr. Dan Spanish is the reaction to protect the
door. In particular, using the feet to help the Red Devils escape the door and continue to lead
the team to achieve the Premier League title once in the 2012/13 season.


Right-back: Kyle Walker (Spurs / Manchester City)
The England striker has made a remarkable contribution to this position with Spurs in this
position, going into Manchester City to the "Blues" to spend a total of 50 million pounds to
grab him to join the army in In the summer of 2017, where he played outstandingly in the
Premier League's top three league seasons, including two Premier League titles, one FA Cup
win and an EFL championship. Cup 2 times


Quarterback: Vincent Compani (Manchester City)
Vincent Compani moved to the Blue Sailboat fence in August 2008. Throughout the 11 years
of playing here, Manchester City has dominated the league for up to 4 eras, including the
FA Cup twice. Including 4 league cup champions
And last season, a long shot at Leicester City was a turning point for the Saints to overtake
the Reds in the Premier League championship sign. Before he could go farewell, the group
went down with 223 plays. Appointments kept 83 clean sheets.


Defender: Fergfielfike (Southampton / Reds)
Although he had just stepped up his name for a few years However, it is necessary to
confess that when 3 years have passed, Feril van Diike has established himself as the
world's No. 1 defender.


Left-back: Danny Rose (Spurs)
Although his overall form is not consistent in size, Rose is considered the most progressive
left-back in a decade, making him the Premier League club's second most suitable season,
as As already mentioned, by the 2014-15 season, he scored 3 goals and 5 assists.


Midfielder: N'Kolo Kante (Chelsea / Leicester City)
N'Kolo Kante has made unrealistic results for Leicester City after moving from Caen in 2015,
the French national midfielder. Excellent in driving power that led the "fox" army to shock the
world by winning the English Premier League 2015/16 season before moving on to play for
Chelsea the following season. And is an important warlord to help make "Indigo Blue Lion"
won the league season 2016/17.
And then under the same brand won the FA Cup in the 2017/18 season and followed by the
2018/19 UEFA Europa League Championship, along with possessing the best football player
award of the year 2017 of the PFA, while trading the shin With Leicester and Chelsea. A total
of 238 games scored 17 goals, although not dominant in scoring. But the driving game,
Kante is second to none in the football strategy


Midfield: David Silva (Manchester City)
Silva collected utensils and moved from Valencia to join the Manchester City group in the
summer of 2010 and is a very important group. "Blue Sailboat" has always been up to this
time. With consistent form of play, both assists and scoring By referred successfully to the
enormous group With the title of the 4th generation Premier League champion
(2011/12, 2013/14, 2017/18 and 2018/19), the FA Cup 2 era (2010/11 including 2018/19) as
well as the 4th League Cup era. (2013/14, 2015/16, 2017/18 and 2018/19)
Whatever The 33-year-old Spanish star has announced since early this summer that This
was the last season for Manchester City, as well as that in the summer of 2020. Silva would
say goodbye to the Hudson Stadium, with 10 years of being in the group. It's too much to say
that Silva is one of the greatest footballers, including the highest goal in the Premier League
this decade.


Midfielder: Yaya Toure (Manchester City)
"The Blues" donated up to 30 million euros to grab the Star Ivory Bull from Barcelona in
2010, which he replaces all the money by taking over as Manchester City. Brave enough
to be able Won the first Premier League season 2011/12, and he also had a great season
in the 2013/14 season, with 20 goals and ready to win the Premier League again
In addition, Toure has been voted the best footballer of the PFA for two eras, including being
the best footballer of the association in 2014. In total, he netted Manchester City in the
Premier League. 59 goals and then scored 35 assists in 230 games.


Striker: Sergio Aguero (Manchester City)
Aguero moved from Atletico to live with Manchester City in 2011, and is currently with "
The Blues" by star player Arjen Stein has scored 173 goals in 251 Premier League
appearances and helped the group to win 4 league seasons during
the 2011/12, 2013/14, 2017 / 18, 2018/19


Striker: Luis Suarez (Liverpool)
Uruguay international striker moved from Ajax to play for the Reds between 2011-2014
and then became the beloved of the Kop. After playing in the Premier League, 110
appointments made with 69 goals, including even all Suarez Cup played for "Liverpool"
133 games scored 82 goals and scored 47 assists tsover


Striker: Wayne Rooney (Manchester United)
Rooney was born with Everton and later moved to play for Manchester United between
2004-2017 before returning to nestle. "Candy Blue" again, spearheading England to
shoot "Red Devils" 183 goals from playing in the Premier League 393 appointments,
including winning the league's top two territories only in the previous decade
(2010/11, 2012/13)

วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ฟาวเลอร์มั่นอกมั่นใจหงส์แดงไม่สะกดรอยแมนยูข้างหลังสิ้นสมัยคล็อปป์

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ สมัยก่อนยอดหัวหอก หงส์แดง เจาะจง หงส์แดง จะไม่สะกดรอย แมนฯ ยูไนเต็ด แน่ๆแล้ว ภายหลังที่พวกเขาพึ่งจับ พบร์เก้น คล็อปป์ ต่อสัญญาได้ จนถึงทำให้ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาคุมกลุ่มต่อจาก คล็อปป์ ก็จะไม่ต้องตกทอดกลุ่มในภาวะที่จำเป็นต้องผ่าตัดครั้งใหญ่ ต่างกับในกรณีที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กล่าวลา "ภูติผีแดง" ในปี 2013
ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ตำนานดาวยิงของ หงส์แดง ยอดสมาคมที่เวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พูดว่าการที่ พบร์เก้น คล็อปป์ ต่อสัญญาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล "ลิเวอร์พูล" ไปจนกระทั่งตอนซัมเมอร์ปี 2024 ถือได้ว่าเป็นการช่วยทำให้ หงส์แดง จะไม่มีภาวะราวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ภายหลังเข้ามาคุมกลุ่มเมื่อต.ค. ปี 2015 คล็อปป์ ก็ปรับปรุงกลุ่มได้อย่างยอดเยี่ยมกระทั่งฤดูก่อนไปถึงเป้าหมายครั้งใหญ่ด้วยการได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครอบครอง ส่วนฤดูกาลนี้ หงส์แดง ก็เริ่มจะมีจังหวะดีที่กำลังจะได้แชมป์ลีกไปครอบครองเป็นครั้งแรกนับจากฤดู 1989-90
ดังนี้ แต่เดิม คล็อปป์ จะหมดสัญญากับกลุ่มในตอนซัมเมอร์ ปี 2022 โดยคนไม่ใช่น้อยมีความรู้สึกว่าเพียงพอถึงขณะนั้นแล้ว สตีเว่น พบร์ราร์ด จะเข้ามาคุมกลุ่มต่อจากเขา เพราะว่าช่วงแรก พบร์ราร์ด ก็จะหมดสัญญากับ เรนเจอร์ส ในปีนั้นพอดิบพอดี ซึ่งมันก็ทำให้บางบุคคลกลัวว่า พบร์ราร์ด บางทีก็อาจจะไม่สามารถที่จะสืบต่อการบรรลุผลของ คล็อปป์ ได้ เนื่องจากว่าเพียงพอถึงปี 2022 ขุมกำลังหลักหลายท่านในกลุ่มชุดปัจจุบันนี้ก็จะแก่มากขึ้นเรื่อยๆจนถึงทำให้ได้โอกาสที่พวกเขาจะเล่นได้ไม่ดีเหมือนเก่า อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน คล็อปป์ ก็ขยายข้อตกลงกับกลุ่มไปถึงตอนซัมเมอร์ ปี 2024 เหมือนกันกับ พบร์ราร์ด ที่ต่อสัญญากับ เรนเจอร์ส ออกไปอีก 2 ปี tsover
ฟาวเลอร์ กล่าวผ่านคอลัมน์ของตนใน เดอะ ไม่ร์เรอร์ สื่อมีชื่อของเมืองผู้ดีว่า "มันเกิดเรื่องที่สำคัญมากๆที่เขาเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ หงส์แดง ผมมีความคิดว่าช่วงแรกทุกคนทายใจว่าเขาจะคุมกลุ่มตรงเวลารวม (จากตั้งแต่ในระหว่างที่เข้ามาคุมกลุ่มครั้งปรก) 7 ปี และก็พักพอเพียงถึงปี 2022 ฉะนั้นการจับเขาต่อสัญญาออกไป 2 ปีก็เลยนับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญสุดๆ"
"มันเป็นเรื่องจำเป็นด้วยหลายๆต้นสายปลายเหตุ สิ่งแรกเลยก็คือมันทำให้บรรยากาศที่ดีอยู่แล้วในช่วงฤดูกาลนี้มันดียิ่งขึ้นไปอีก มันให้อารมณ์อย่างกับว่าสมาพันธ์ได้เซ็นสัญญากับหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดของโลกเลย เพราะเหตุว่าเขาอยู่ในกรุ๊ปผู้จัดการทีมฟุตบอลที่เก่งที่สุดของโลก เขายังเป็นผู้ที่ติดอกติดใจการแข่งขันชิงชัยอย่างยิ่งด้วย เขารับตกทอดกลุ่มมาในภาวะที่กลุ่มมองย่ำแย่าสุดๆในขุมกำลังชุดเดี๋ยวนี้มันมีเพียงแต่ไม่กี่คนแค่นั้นที่เหลือรอดมาจากกลุ่มชุดนั้น"
"เขาพาทีมไปถึงรอบชิงแชมป์บอลถ้วย 2 รายการตั้งแต่ฤดูกาลแรกกับกลุ่ม, พาทีมจบท็อปโฟร์ในช่วงฤดูกาลลำดับที่สอง แล้วแล้วต่อจากนั้นก็ได้เล่นนัดหมายชิงแชมป์ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาทำเป็นดียิ่งขึ้นในทุกๆปี แล้วก็มันไม่มีท่าทางเลยว่ามันจะหยุดลง ซึ่งโน่นเป็นจิตวิญญาณของความเป็นนักแข่งขันอย่างแท้จริง ส่วนอีก 2 ปีที่มากขึ้นมา (หมายคือ 2 ปีที่ คล็อปป์ ขยายข้อตกลงออกไป) นับว่าเป็นโบนัสครั้งใหญ่สำหรับสมาพันธ์ ด้วยเหตุว่ามันทำให้ทั้งหมดทุกอย่างยังเดินหน้าถัดไปได้"
"กลุ่มชุดนี้เล่นกันได้น่าเร้าใจ ที่พวกเขาได้เป็นเต็งแชมป์น่ะมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แม้กระนั้นในอนาคตมันก็กำลังจะถึงในเวลาที่ควรจะมีกระบวนการทำให้กลุ่มสดชื่น และก็ทำซ่อมกันสักนิดสักหน่อย จริงอยู่ว่าขณะนี้พวกเขาอยู่ในตอนวัยที่จะทำให้เล่นด้วยฟอร์มที่เหมาะสมที่สุดได้ หรือบางบุคคลกำลังไปสู่ตอนวัยอย่างนั้น แม้กระนั้นในอีก 2 หรือ 3 ปีหลังจากนี้บางบุคคลจะผ่านจุดพีคไป ฉะนั้นการได้ คล็อปป์ ดูแลกลุ่มในตอนนั้นก็เลยทำให้จะไม่มีการส่งต่อกลุ่มที่อยู่ในภาวะที่จะต้องกระทำผ่าตัดครั้งใหญ่จากการที่เต็มไปด้วยนักฟุตบอลที่แก่มากมาย ซึ่งจัดว่าแตกต่างจากกรณีของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน"
สำหรับ เฟอร์กูสัน นั้น กล่าวลา แมนฯ ยูไนเต็ด ข้างหลังจบฤดู 2012-13 และก็ให้ เดวิด มอยส์ มาคุมกลุ่มต่อจากเขา ซึ่งขณะนั้นกำลังหลักหลายๆคนของ "ภูติผีปีศาจแดง" ก็แก่กันพอสมควร อาทิเช่น ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่อายุ 34 ปี, ขว้างทริซ เอวร่า ที่อายุ 32 ปี, ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่อายุ 31 ปี แล้วก็ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่แก่ครบ 30 ปีในตอนไม่กี่เดือนภายหลังฤดูกาลประเดิมขึ้น ฯลฯ

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ก้าวสู่ 4,000 เกมติด : แมนฯ ยูไนเต็ด กับปรัชญาด้านอะคาเดมี่ที่ไม่เสื่อมคลาย

ก้าวสู่ 4,000 เกมติด : แมนฯ ยูไนเต็ด กับปรัชญาด้านอะคาเดมี่ที่ไม่เสื่อมคลาย
หนึ่งในอย่างแรกๆที่หลายๆคนจะรำลึกถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นการที่พวกเขาสนับสนุนดาวรุ่งจากอะคาเดมี่ของตนโดยตลอด รวมทั้งที่แท้ "ภูติผีปีศาจแดง" ก็ให้นักฟุตบอลจากอะคาเดมี่ของตนเองมีชื่ออยู่ในกลุ่มชุดใหญ่สำหรับในการลงเล่นเกมลีกมา 3,999 ครั้งติดต่อกันแล้ว
หากไม่มีอะไรบกพร่อง จำนวนด้านนั้นก็จะยังเดินหน้าถัดไปเป็น 4,000 เกม ในนัดหมายที่กลุ่มของที่ปรึกษา โอเล่ กุนทุ่งนาร์ โซลชา มีคิวเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับการมาเยี่ยมของ เอฟเวอร์ตัน วันอาทิตย์ที่ 15 ธ.ค.นี้ ด้วยเหตุว่าปัจจุบันนี้มันก็มี มาร์คัส แรชฟอร์ด รวมทั้ง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่มาจากอะคาเดมี่ของพวกเขาแล้วเป็นอันมากหลักของกลุ่มในตอนนี้ แถมมันยังได้โอกาสที่ เจสซี่ ลินการ์ด และก็ กางรนดอน วิลเลี่ยมส์ อีก 2 ผลิตผลจากอะคาเดมี่ของกลุ่ม จะได้ลงเล่นเช่นกัน
เดี๋ยวนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นกลุ่มที่ให้นักฟุตบอลที่จบจากอะคาเดมี่ของพวกเขาได้มีชื่ออยู่ในกลุ่มชุดใหญ่ในเกมลีกต่อเนื่องกันสูงที่สุด ส่วนชั้น 2 ก็ไม่ใช่ผู้ใดกันอื่น แม้กระนั้นเป็น เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับของพวกเขาในวันอาทิตย์นี้ แต่กระนั้น จำนวนของ "ลูกอมสีน้ำเงิน" ก็น้อยกว่าของ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงแทบ 3,000 เกมอย่างยิ่งจริงๆ
หนึ่งในสิ่งที่เป็นหลักฐานชั้นยอดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยังตั้งมั่นกับปรัชญาการช่วยสนับสนุนหน้าแข้งอะคาเดมี่ของพวกเขา ก็คือการที่พวกเขาใส่ชื่อหน้าแข้งจากอะคาเดมี่ของตนอยู่ในรายนามกลุ่มชุดที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ธ.ค. ก่อนหน้าที่ผ่านมา หมดทั้งตัวจริงและก็ผู้เล่นสำรองสูงถึง 7 คน มี 3 ตัวจริงอย่าง ลินการ์ด, แม็คโทมิเนย์ แล้วก็ แรชฟอร์ด กับอีก 4 ผู้ที่ออกสตาร์ตบนม้านั่งสำรองอย่าง อันเดรียส เปเรยร่า, อั๊กเซล ตวนเซเบ้, เมสัน กรีนวู้ด และก็ วิลเลี่ยมส์ โดยรายของ เปเรยร่า กับ ตวนเซเบ้ ถูกสลับตัวลงไปในสนามด้วย ซึ่งเรื่องราวการมอบโอกาสลำแข้งเยาวชนของ แมนฯ ยูไนเต็ด มันก็จัดว่าน่าดึงดูดอย่างยิ่ง
วันที่ 30 ต.ค. ปี 1937 แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ ฟูเฉือนม 0-1 แน่ๆว่าผลที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันมันจัดว่าน่าผิดหวัง แม้กระนั้นในขณะนั้นก็ไม่มีผู้ใดคาดการณ์ว่านั่นจะเป็นเกมที่เป็นจุดเริ่มของสถิติการให้หน้าแข้งจากอะคาเดมี่ของพวกเขาลงเล่นต่อเนื่องกันมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้
นักฟุตบอลจากอะคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีชื่ออยู่ในกลุ่มชุดใหญ่ในวันนั้นเป็น ทอม แมนลี่ย์ รวมทั้ง แจ็คกี้ วอลซอลล์ แน่ๆว่าทั้งสองไม่ใช่ผู้ที่เลื่องลืออะไร แม้กระนั้นพวกเขาก็แปลงเป็นผู้ริเริ่มสำหรับเพื่อการเป็นลำแข้งจากอะคาเดมี่ของกลุ่มที่มีชื่ออยู่ในกลุ่มชุดใหญ่ในการลงเล่นเกมลีกต่อเนื่องกัน
ตอนแรกนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด มิได้มีองค์ประกอบด้านเยาวชนที่มีอะคาเดมี่เป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรม โดยช่วงแรกในตอนทศวรรษ 1930 เจมส์ ดับบลิว กิ๊บสัน ประธานของกลุ่ม กับ วอลเตอร์ คริคเมอร์ เพียงแค่มีแนวความคิดว่าต้องการสร้างกลุ่มที่มีเฉพาะนักฟุตบอลจากเมืองแมนเชสเตอร์แค่นั้น จนถึงทำให้พวกเขาส่งแมวมองไปตามเช็กฟอร์มของเหล่าหน้าแข้งดาวรุ่งในเมืองแมนเชสเตอร์
ไม่นานต่อจากนั้นมันก็มีการสร้างอะคาเดมี่ขึ้นมาจริงๆในชื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จูเนียร์ แอธเลว่ากล่าวก คลับ ซึ่งอะคาเดมี่ก็อยู่ที่สนามฝึกของกลุ่มชุดใหญ่เลย โดยในคราวหลังสนามฝึกที่นั้นก็เปลี่ยนเป็นที่รู้จักในชื่อ เดอะ คลิฟฟ์ (The Cliff) สนามเหย้าของกลุ่มเยาวชน แมนฯ ยูไนเต็ด รวมทั้งกลุ่มหญิงของพวกเขาในตอนนี้ โดยถึงแม้ว่ากลุ่มชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะโยกไปฝึกที่ ห่วงใยริงตัน แทน แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ทิ้ง เดอะ คลิฟฟ์ อะไร รวมทั้งมันก็อยู่ห่างจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพียงแค่ราว 5 ไมล์เพียงแค่นั้น
แมนฯ ยูไนเต็ด วางที่มีความสำคัญในการรบรวมทั้งการพัฒนาเยาวชนได้ดีเยี่ยมจนถึงทำให้พวกเขาได้แชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ ได้ทั้งยัง 5 หนแรกที่มีการจัดทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ในตอนทศวรรษ 1950 และก็นักฟุตบอลหลายๆคนจากเยาวชนชุดนั้นก็ก้าวขึ้นไปเป็นอันมากหลักให้ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ กระทั่งเปลี่ยนเป็นกรุ๊ป "บัสบี้ เบ็บส์" อันโด่งดัง tsover
การบรรลุเป้าหมายของ บัสบี้ เบ็บส์ ทำให้การผลักดันและสนับสนุนเยาวชนเปลี่ยนเป็นภาพลักษณ์อันดีของ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ น่าสลดใจที่มันจำต้องพบกับปัญหาที่ไม่มีผู้ใดคาดหวัง โน่นเป็นเรื่องเศร้ามิวนิคในวันที่ 6 ก.พ. 1958 ที่เอาชีวิตคนไป 23 คน ในปริมาณนั้นเป็นนักฟุตบอล แมนฯ ยูไนเต็ด 8 ราย แล้วก็มีถึง 7 ผู้ที่ได้ผลสำเร็จผลิตมาจากอะคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ว่าจะเป็น ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์, หน้าจอฟฟ์ เบนท์, โรเจอร์ เบิร์น, เอ็ดดี้ วัวลแมน, มาร์ค โจนส์, เดวิด เป็กก์ รวมทั้ง เลียม วีแลน
แม้กระนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังมานะส่งเสริมนักฟุตบอลจากอะคาเดมี่ของพวกเขาขึ้นสู่กลุ่มชุดใหญ่เรื่อยแล้วก็ภายหลังรอมานาน แนวนโยบายดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นก็ได้ผลตอบแทนที่คุ้มในสมัยของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดยสมัยก่อนบรมผู้จัดการทีมชาวสกอตต์สร้างกลุ่มด้วยการใช้หน้าแข้งดาวรุ่งจากอะคาเดมี่ของกลุ่มเป็นแกนหลัก จนได้แชมป์เยอะแยะ แล้วก็ทำให้ "คลาส ออฟ 92" เปลี่ยนเป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้
โดยรวมแล้วมีที่ปรึกษาของพวกเขาทั้งผอง 15 คน ที่มีส่วนสำหรับการใส่ชื่อหน้าแข้งจากอะคาเดมี่อยู่ในรายนามกลุ่มชุดใหญ่ในการลงเล่นเกมลีก 3,999 ครั้งติดต่อกัน รวมทั้งกุนซือคนตอนนี้ของพวกเขาที่ชื่อว่า โซลชา ก็ให้ความใส่ใจในด้านนี้เช่นเดียวกัน เพราะว่าเขารู้ว่ามันเป็นดีเอ็นเอของกลุ่ม จากการที่ โซลชา เคยเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ยิ่งไปกว่านี้ โซลชา ก็เคยเป็นผู้จัดการทีมให้กลุ่มสำรองของ แมนฯ ยูไนเต็ด เช่นกัน แล้วก็มันก็ทำให้เขาได้ร่วมงานกับเยาวชนคนไม่ใช่น้อย
ความเอาจริงเอาจังสำหรับการส่งเสริมหน้าแข้งจากอะคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถมองดูได้จากกรุ๊ปสตาฟฟ์ของ โซลชา เช่นเดียวกัน ดังเช่น ไมค์ ฟีแลน ที่มีประสบการณ์โชกโชนในการพัฒนาเยาวชน แล้วก็ คีแรน แม็คเคนน่า อดีตกาลสตาฟฟ์ของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
ฤดู 2018-19 นับว่าเป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังของ แมนฯ ยูไนเต็ด หากดูถึงเรื่องผลงาน พวกเขาได้เพียงแค่ชั้น 6 ในลีก, อดเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในช่วงฤดูกาล 2019-20 แล้วก็จบฤดูกาลแบบมือเปล่า แต่ว่าในด้านปรัชญาการส่งเสริมลำแข้งจากอะคาเดมี่ พวกเขายังมิได้ทิ้งมันไป
ในช่วงฤดูกาลที่แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด มอบโอกาสนักฟุตบอลที่จบจากอะคาเดมี่ของพวกเขาได้ลงเล่นในเกมลีกสูงถึง 9,334 นาที มากยิ่งกว่าทุกครั้งมใน พรีเมียร์ลีก ในตอนที่จาก 65 ประตูในลีกที่พวกเขาทำเป็นนั้น มันก็มีถึง 30 ลูก ที่มาจากผลงานของผลิตผลจากอะคาเดมี่ของกลุ่ม คิดเป็น 46 เปอร์เซ็นต์จากประตูทั้งสิ้นที่พวเขาทำเป็น และก็มันก็ทำลายสถิติเดิมของ คลาส ออฟ 92 ที่ยืนยาวมาตั้งแต่ฤดู 1995-96 ได้ เนื่องจากขณะนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูจากหน้าแข้งในอะคาเดมี่ของพวกเขา 41 เปอร์เซ็นต์จากปริมาณประตูทั้งหมดทั้งปวงที่กลุ่มยิงได้ในลีก
ในขณะที่ในช่วงฤดูกาล 2016-17 กับ 2017-18 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังเปิดโอกาสลำแข้งจากอะคาเดมี่มีชื่ออยู่ในกลุ่มชุดใหญ่สำหรับเพื่อการลงเล่นเกมลีกอยู่เรื่อยถึงแม้ว่าในขณะนั้นผู้จัดการทีมฟุตบอลของพวกเขาจะเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ ที่มีภาพลักษณ์ว่าไม่ค่อยสนับสนุนลำแข้งดาวรุ่งมากแค่ไหนก็ตาม
ต่อจากนี้แนวโน้มการเปิดโอกาสหน้าแข้งจากอะคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูท่าจะยังไม่ผ่อนลงไป ไม่ว่าจะเป็น แรชฟอร์ด, แม็คโทมิเนย์, ปอล ป็อกบา หรือ ลินการ์ด ที่ได้ลงเล่นมาโดยตลอดตั้งแต่ฤดูก่อนๆและก็จะยังได้ลงเล่นถัดไปภายหลังจากนี้ (ในกรณีของ ป็อกบา ถ้าเกิดไม่ย้ายไปไหนเสียก่อน) รวมทั้งนักฟุตบอลอย่าง กรีนวู้ด, วิลเลี่ยมส์ และก็ ตวนเซเบ้ ที่นับว่าเป็นอะไหล่ลำดับแรกๆกระทั่งคงจะได้ลงเล่นหลายนัดหมายในฤดูกาลนี้ แถมยังมีคนอย่าง เจมส์ การ์เนอร์, อังเคล โกเมส และก็ ทาฮิธ ชอง ที่รอคอยโอกาสอยู่ลึกๆอีก
ดังนี้ ถ้าเกิดให้กล่าวถึงเกมลีกที่น่าสดชื่นเยอะที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงฤดูกาลนี้แล้วล่ะก็ บรรดา "เร้ด อาร์มี่" ก็บางครั้งก็อาจจะเลือกเกมที่ชนะ แมนฯ ซิตี้ คู่แข่งร่วมเมือง 2-1, นัดหมายเชือด สเปอร์ส 2-1 ที่เป็นการต้อนรับ มูรินโญ่ กลับสู่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หรือนัดหมายเปิดฤดูกาลที่ชนะ เชลซี 4-0 แต่ว่าหนึ่งในเกมที่น่าดึงดูดเป็นอย่างมากเป็นเกมที่พวกเขาเสมอกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-3
มูลเหตุก็เพราะว่าในวันนั้นผู้ที่ทำแต้มให้ แมนฯ ยูไนเต็ด สำเร็จผลิตในอะคาเดมี่ของพวกเขาเองทั้งปวง มี วิลเลี่ยมส์, กรีนวู้ด และก็ แรชฟอร์ด ทำให้มันนับว่าเป็นทีแรกนับจากม.ย. ปี 1996 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูในเกมลีกจากนักฟุตบอลที่จบจากอะคาเดมี่ของพวกเขา 3 ลูกขึ้นไป โดยทีนั้นเป็นเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 5-0 ซึ่งวันนั้น พอล สวัวลส์, เดวิด เบ็คหมูแฮม รวมทั้ง ไรอัน กิ๊กส์ ทำแต้มให้กลุ่มได้
ในวันที่เสมอกับ เชฟฯ ยูไนเต็ด ถ้าหาก "อะคาเดมี่" มันมีชีวิตราวกับคนแล้วล่ะก็ เขาก็คงจะยิ้มอย่างสุขสบายในระดับหนึ่งอย่างยิ่งจริงๆ

วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ระดับอาชีพของ เมสชี่ ฤดู 2009-–10



ภายหลังกลุ่มชนะสำหรับการชิงชัยยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2009 ผู้จัดการทีมฟุตบอล ยกเซบ กวาร์ดีโอลา แสดงความแน่ใจว่าเมสสิบางทีอาจเป็นผู้เล่นที่เหมาะสมที่สุดที่เขาเคยได้เห็น ตอนวันที่ 18 ก.ย. เมสสิเซ็นสัญญาใหม่กับบาร์เซโลนา ที่จะจบในปี ค.ศ. 2016 ด้วยคำสัญญา 250 ล้านยูโร ทำให้เมสสิ รวมทั้งซลาตัน อิบราฮิโมวิช เป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดในลาลิกา โดยเมสสิได้เงินราว 9.5 ล้านยูโรต่อปี ต่อจากนั้น 4 วัน ในวันที่ 22 เดือนกันยายน เมสสิยิง 2 ประตูรวมทั้งช่วยส่งลูกทำประตูอีก 1 ลูกในความมีชัยที่บาร์ซาชนะราสินเดซันตันเดร์ 4–1 ในลาลิกา เขาทำประตูแรกในถ้วยยุโรปของฤดูนี้ ตอนวันที่ 29 เดือนกันยายน นำบาร์เซโลนาชนะดีนาโมเคียฟ 2–0 หลังจากนั้นยิง 1 ประตูในลาลิกาที่ชนะ 6–1 ต่อเรอัลซาราโกซาที่สนามกัมนอว์ tsover
เมสสิได้รับรางวัลนักเตะเยี่ยมที่ปีของทวีปยุโรป (บัลลงดอร์) ช่วงวันที่ 1 เดือนธันวาคม คริสต์ศักราช 2009 ด้วยคะแนน 473 คะแนน นำรองผู้ชนะ คริสเตียโน โรนัลโด ซึ่งได้คะแนน 233 กินขาด สร้างสถิติได้รับเสียงโหวตทิ้งห่างชั้น 2 สูงที่สุดตั้งแต่มีรางวัลมา เป็น 240 คะแนน ต่อไปวารสาร ฟรองซ์บอล นำคำกล่าวที่เมสสิลงไว้ว่า "ผมอุทิศให้กับครอบครัวของผม พวกเขาอยู่ที่ตรงนั้นเสมอเมื่อผมปรารถนาแรงใจ และก็ในบางครั้งพวกเขามีความรู้สึกในเรื่องเกี่ยวกับผม มากยิ่งกว่าตัวผมเสียอีก"
ช่วงวันที่ 19 ธ.ค. เมสสิทำประตูชัยในช่วงทดเวลา ภายหลังเท่ากันในเวลา 1-1 ประตู ในนัดหมายชิงแชมป์ของการแข่งขันชิงชัย สมาคมสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างชาติคลับเวิลด์คัพ 2009 ในนัดหมายแข่งขันกับสมาคมบอลเอสตูเดียนเตส ลา พลาต้า ของประเทศอาร์เจนตินา แชมป์จากโซนอเมริกาใต้ ที่อาบูดาบี ทำให้สมาพันธ์ชนะการแข่งขันครั้งถ้วยที่ 6 ในปีนี้ สร้างประวัติศาสตร์เป็นสมาคมแรกที่ชนะในทุกการแข่งขันชิงชัยที่ร่วม
ต่อไป 2 วันเขาได้รับรางวัลนักเตะที่ปีของสมาคมสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างชาติ (FIFA World Player of the Year) ปี 2009 โดยได้คะแนนโหวตเยอะที่สุดเป็นประวัติการณ์ เป็น 1,073 คะแนน เอาชนะชั้น 2 คริสเตียโน โรนัลโด (352 คะแนน) แล้วก็ลำดับรๆมาอย่าง , ชาบี (196 คะแนน), กาก้า (190 คะแนน) แล้วก็อันเดรส อินิเอสตา(134 คะแนน) ไปได้อย่างมหึมา โดยเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับรางวัลนี้ และก็เป็นคนอาร์เจนตินาคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้
ช่วงวันที่ 10 ม.ค. คริสต์ศักราช 2010 เมสสิยิงแฮตทริกแรกในปี ค.ศ. 2010 แล้วก็เป็นแฮตทริกแรกของฤดู ในนัดหมายแข่งขันกับเซเดเตเนรีเฟ ด้วยประตูชนะ 0–5 แล้วก็ช่วงวันที่ 17 เดือนมกราคม เขาทำประตูที่ 100 ให้กับชมรมในเกมที่ชนะเซบิยา 4–0
เมสสิสร้างความตรึงใจโดยทำประตู 11 ประตูใน 5 เกม เกมแรกทำประตูในนาทีที่ 84 ในนัดหมายแข่งขันกับสมาคมบอลมาลากา ด้วยประตูชนะ 2–1 ต่อจากนั้นเขายิง 2 ประตูในนัดหมายแข่งขันกับอูเดอัลเมริอา เสมอ 2–2 เขายังยิงโดยตลอดในอาทิตย์ที่ความตรึงใจ ที่เขายิงไป 8 ประตู โดยเริ่มยิงแฮตทริกในนัดหมายชนะบาเลนเซียในบ้าน 3–0 แล้วหลังจากนั้นยิง 2 ประตูในนัดหมายแข่งขันกับสมาพันธ์บอลชเหม็นตุทการ์ท ในความมีชัย 4–0 ทำให้บาร์เซโลนาผ่านสู่รอบก่อนรอบในที่สุดในแชมเปียนส์ลีก แล้วก็ในที่สุดกับการยิงแฮตทริกอีกรอบในนัดหมายไปเยี่ยมซาราโกซาชนะ 4–2 ทำให้เป็นผู้เล่นบาร์เซโลนาคนแรกที่ทำแฮตทริกได้ต่อเนื่องกันในลาลิกา เขาลงแข่งขันอย่างเป็นทางการเป็นนัดหมายที่ 200 กับบาร์เซโลนาในนัดหมายแข่งขันกับโอซาซูที่นา ช่วงวันที่ 24 เดือนมีนาคม คริสต์ศักราช 2010
ตอนวันที่ 6 เดือนเมษายน คริสต์ศักราช 2010 เป็นครั้งแรกในอาชีพของเขาที่ยิง 4 ประตูในนัดหมายเดียว ในนัดหมายเป็นกลุ่มเหย้าแข่งขันกับอาร์เซนอล ในชัย 4–1 ในแชมเปียนส์ลีกรอบก่อนรอบท้ายที่สุด นัดหมายที่ 2 ทำให้เขาเป็นผู้เล่นบาร์เซโลนาที่ทำประตูได้มากที่สุดชั่วนิจนิรันดร์ในแชมเปียนส์ลีก แซงหน้ารีวัลดูไป
ตอนวันที่ 10 เดือนเมษายน เมสสิทำประตูที่ 40 ของฤดูในประตูแรกในความมีชัยเยี่ยมเรอัลมาดริด 2–0
ช่วงวันที่ 1 เดือนพฤษภาคม เมสสิทำประตูที่ 50 ของฤดูรวมทั้งยิง 2 ประตูสำหรับการเยี่ยมบิยาร์เรอัล ด้วยชัย 4–1 3 วันถัดมา ช่วงวันที่ 4 พ.ค. เมสสิยิง 2 ประตูในนัดหมายเป็นกลุ่มเหย้าแข่งขันกับเตเรรีเฟ ด้วยชัย 4–1 เมสสิทำประตูที่ 32 ในช่วงฤดูกาลนี้ของลาลิกาตอนวันที่ 8 เดือนพฤษภาคม สำหรับการเยี่ยมเซบิยา และก็นัดหมายในที่สุดของฤดูแข่งขันกับบายาโดลิด เขายิง 2 ประตูในช่วงหลัง ทำให้สถิติยิงปริมาณประตูของสมาคมใน 1 ฤดูของลาลิกาแซงหน้าโรนัลโด บราซิล (32 ประตู) ที่เกิดขึ้นเมื่อฤดู 1996–97 แม้กระนั้นตามหลังสถิติตลอดไป ของเตลโม ซาร์รา ที่ทำไว้ 38 ประตูในช่วงฤดูกาลเดียวของลาลิกา 4 ประตู
เมสสิได้รับรางวัลผู้เล่นลาลิกาที่ปี เป็นปีที่ 2 ต่อเนื่องกัน ช่วงวันที่ 3 เดือนมิถุนายน คริสต์ศักราช 2010
ในช่วงฤดูกาล 2009-10 นี้ เมสสิทำคะแนนในลีกได้ถึง 34 ประตู นำมาซึ่งการทำให้เขาได้รับรางวัลรองเท้าทอง ประจำฤดูนี้ไปครอบครอง

วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Call of Duty



Call of Duty 
เป็นนักกีฬาคนแรกวิดีโอเกมแฟรนไชส์ที่เผยแพร่โดยActivision เริ่มในปี 2003 มันเป็นครั้งแรกที่ย้ำเกมที่ตั้งอยู่ในสงครามโลกครั้งที่สองแต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปซีรีส์ได้มองเห็นเกมที่ตั้งอยู่ในปัจจุบันท่ามกลางสงครามเย็นโลกที่อนาคตรวมทั้งอวกาศ เกมที่ถูกปรับปรุงขึ้นทีแรกโดย Infinity Wardแล้วโดย Treyarchรวมทั้ง Sledgehammer Games เกมสปินออฟและก็เกมนำพาหลายตัวถูกปรับปรุงโดยผู้พัฒนารายอื่น ชื่อปัจจุบันของ Call of Duty: Modern Warfareได้รับการปล่อยตัวตอนวันที่ 25 เดือนตุลาคม 2019
ชุดเดิมที่เน้นสำหรับการตั้งค่าสงครามโลกครั้งที่สองกับ Infinity Ward ปรับปรุงหนแรก (2003) รวมทั้งครั้งลำดับที่สอง (2005) ชื่อในชุดรวมทั้งTreyarchปรับปรุงสาม (2006) Call of Duty 4: Modern Warfare (2007) เสนอแนะใหม่การตั้งค่าที่ล้ำยุครวมทั้งพิสูจน์แล้วว่าเป็นชื่อการพัฒนาชุดการผลิตModern Warfareย่อยชุด มรดกของเกมนี้ยังทรงอิทธิพลต่อการผลิตเวอร์ชั่นมาสเตอร์ที่เปิดตัวในปี 2559 อีกสองรายการเป็นModern Warfare 2 (2009) รวมทั้ง3 (2011) ชุดย่อยได้รับการรีบูตด้วยModern Warfareในปี 2019 Infinity Ward ได้ปรับปรุงเกมสองเกมนอกซีรี่ส์ย่อยModern Warfare , Ghosts (2013) รวมทั้งInfinite Warfare (2016) Treyarch ทำเกมที่ใช้สงครามโลกครั้งที่สองเป็นเกมท้ายที่สุดWorld War (2008) ก่อนจะปลดปล่อยBlack Ops (2010) และก็ถัดมาก็สร้างBlack Opsย่อยซีรีส์ มีการสร้างรายการอื่นอีกสามรายการ อาทิเช่นBlack Ops II (2012), III (2015) แล้วก็4 (2018) Sledgehammer Games ซึ่งเป็นผู้พัฒนาร่วมสำหรับModern Warfare 3ได้ปรับปรุงสองเกมเป็นAdvanced Warfare (2014) รวมทั้งWWII (2017)
ตอนวันที่ก.พ. 2559 ซีรีส์มียอดจำหน่ายมากยิ่งกว่า 250 ล้านเล่ม ยอดจำหน่ายของเกมCall of Dutyทั้งหมดทั้งปวงมีมูลค่ามากถึง 15 พันล้านเหรียญสหรัฐ ผลิตภัณฑ์อื่นๆในแฟรนไชส์รวมทั้งสายของแอ็คชั่นที่ดีไซน์โดยPlan-B ของเด็กเล่นเป็นการ์ดเกมที่ทำขึ้นโดยUpper Deck บริษัทเมกะชุด Bloks โดยเมกะแบรนด์แล้วก็หนังสือการ์ตูนไม่นิซีรีส์ที่พิมพ์โดยWildStorm โปรดักชั่น ແທງບານ