วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ก้าวสู่ 4,000 เกมติด : แมนฯ ยูไนเต็ด กับปรัชญาด้านอะคาเดมี่ที่ไม่เสื่อมคลาย

ก้าวสู่ 4,000 เกมติด : แมนฯ ยูไนเต็ด กับปรัชญาด้านอะคาเดมี่ที่ไม่เสื่อมคลาย
หนึ่งในอย่างแรกๆที่หลายๆคนจะรำลึกถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นการที่พวกเขาสนับสนุนดาวรุ่งจากอะคาเดมี่ของตนโดยตลอด รวมทั้งที่แท้ "ภูติผีปีศาจแดง" ก็ให้นักฟุตบอลจากอะคาเดมี่ของตนเองมีชื่ออยู่ในกลุ่มชุดใหญ่สำหรับในการลงเล่นเกมลีกมา 3,999 ครั้งติดต่อกันแล้ว
หากไม่มีอะไรบกพร่อง จำนวนด้านนั้นก็จะยังเดินหน้าถัดไปเป็น 4,000 เกม ในนัดหมายที่กลุ่มของที่ปรึกษา โอเล่ กุนทุ่งนาร์ โซลชา มีคิวเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับการมาเยี่ยมของ เอฟเวอร์ตัน วันอาทิตย์ที่ 15 ธ.ค.นี้ ด้วยเหตุว่าปัจจุบันนี้มันก็มี มาร์คัส แรชฟอร์ด รวมทั้ง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่มาจากอะคาเดมี่ของพวกเขาแล้วเป็นอันมากหลักของกลุ่มในตอนนี้ แถมมันยังได้โอกาสที่ เจสซี่ ลินการ์ด และก็ กางรนดอน วิลเลี่ยมส์ อีก 2 ผลิตผลจากอะคาเดมี่ของกลุ่ม จะได้ลงเล่นเช่นกัน
เดี๋ยวนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นกลุ่มที่ให้นักฟุตบอลที่จบจากอะคาเดมี่ของพวกเขาได้มีชื่ออยู่ในกลุ่มชุดใหญ่ในเกมลีกต่อเนื่องกันสูงที่สุด ส่วนชั้น 2 ก็ไม่ใช่ผู้ใดกันอื่น แม้กระนั้นเป็น เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับของพวกเขาในวันอาทิตย์นี้ แต่กระนั้น จำนวนของ "ลูกอมสีน้ำเงิน" ก็น้อยกว่าของ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงแทบ 3,000 เกมอย่างยิ่งจริงๆ
หนึ่งในสิ่งที่เป็นหลักฐานชั้นยอดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยังตั้งมั่นกับปรัชญาการช่วยสนับสนุนหน้าแข้งอะคาเดมี่ของพวกเขา ก็คือการที่พวกเขาใส่ชื่อหน้าแข้งจากอะคาเดมี่ของตนอยู่ในรายนามกลุ่มชุดที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ธ.ค. ก่อนหน้าที่ผ่านมา หมดทั้งตัวจริงและก็ผู้เล่นสำรองสูงถึง 7 คน มี 3 ตัวจริงอย่าง ลินการ์ด, แม็คโทมิเนย์ แล้วก็ แรชฟอร์ด กับอีก 4 ผู้ที่ออกสตาร์ตบนม้านั่งสำรองอย่าง อันเดรียส เปเรยร่า, อั๊กเซล ตวนเซเบ้, เมสัน กรีนวู้ด และก็ วิลเลี่ยมส์ โดยรายของ เปเรยร่า กับ ตวนเซเบ้ ถูกสลับตัวลงไปในสนามด้วย ซึ่งเรื่องราวการมอบโอกาสลำแข้งเยาวชนของ แมนฯ ยูไนเต็ด มันก็จัดว่าน่าดึงดูดอย่างยิ่ง
วันที่ 30 ต.ค. ปี 1937 แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ ฟูเฉือนม 0-1 แน่ๆว่าผลที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันมันจัดว่าน่าผิดหวัง แม้กระนั้นในขณะนั้นก็ไม่มีผู้ใดคาดการณ์ว่านั่นจะเป็นเกมที่เป็นจุดเริ่มของสถิติการให้หน้าแข้งจากอะคาเดมี่ของพวกเขาลงเล่นต่อเนื่องกันมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้
นักฟุตบอลจากอะคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีชื่ออยู่ในกลุ่มชุดใหญ่ในวันนั้นเป็น ทอม แมนลี่ย์ รวมทั้ง แจ็คกี้ วอลซอลล์ แน่ๆว่าทั้งสองไม่ใช่ผู้ที่เลื่องลืออะไร แม้กระนั้นพวกเขาก็แปลงเป็นผู้ริเริ่มสำหรับเพื่อการเป็นลำแข้งจากอะคาเดมี่ของกลุ่มที่มีชื่ออยู่ในกลุ่มชุดใหญ่ในการลงเล่นเกมลีกต่อเนื่องกัน
ตอนแรกนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด มิได้มีองค์ประกอบด้านเยาวชนที่มีอะคาเดมี่เป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรม โดยช่วงแรกในตอนทศวรรษ 1930 เจมส์ ดับบลิว กิ๊บสัน ประธานของกลุ่ม กับ วอลเตอร์ คริคเมอร์ เพียงแค่มีแนวความคิดว่าต้องการสร้างกลุ่มที่มีเฉพาะนักฟุตบอลจากเมืองแมนเชสเตอร์แค่นั้น จนถึงทำให้พวกเขาส่งแมวมองไปตามเช็กฟอร์มของเหล่าหน้าแข้งดาวรุ่งในเมืองแมนเชสเตอร์
ไม่นานต่อจากนั้นมันก็มีการสร้างอะคาเดมี่ขึ้นมาจริงๆในชื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จูเนียร์ แอธเลว่ากล่าวก คลับ ซึ่งอะคาเดมี่ก็อยู่ที่สนามฝึกของกลุ่มชุดใหญ่เลย โดยในคราวหลังสนามฝึกที่นั้นก็เปลี่ยนเป็นที่รู้จักในชื่อ เดอะ คลิฟฟ์ (The Cliff) สนามเหย้าของกลุ่มเยาวชน แมนฯ ยูไนเต็ด รวมทั้งกลุ่มหญิงของพวกเขาในตอนนี้ โดยถึงแม้ว่ากลุ่มชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะโยกไปฝึกที่ ห่วงใยริงตัน แทน แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ทิ้ง เดอะ คลิฟฟ์ อะไร รวมทั้งมันก็อยู่ห่างจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพียงแค่ราว 5 ไมล์เพียงแค่นั้น
แมนฯ ยูไนเต็ด วางที่มีความสำคัญในการรบรวมทั้งการพัฒนาเยาวชนได้ดีเยี่ยมจนถึงทำให้พวกเขาได้แชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ ได้ทั้งยัง 5 หนแรกที่มีการจัดทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ในตอนทศวรรษ 1950 และก็นักฟุตบอลหลายๆคนจากเยาวชนชุดนั้นก็ก้าวขึ้นไปเป็นอันมากหลักให้ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ กระทั่งเปลี่ยนเป็นกรุ๊ป "บัสบี้ เบ็บส์" อันโด่งดัง tsover
การบรรลุเป้าหมายของ บัสบี้ เบ็บส์ ทำให้การผลักดันและสนับสนุนเยาวชนเปลี่ยนเป็นภาพลักษณ์อันดีของ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ น่าสลดใจที่มันจำต้องพบกับปัญหาที่ไม่มีผู้ใดคาดหวัง โน่นเป็นเรื่องเศร้ามิวนิคในวันที่ 6 ก.พ. 1958 ที่เอาชีวิตคนไป 23 คน ในปริมาณนั้นเป็นนักฟุตบอล แมนฯ ยูไนเต็ด 8 ราย แล้วก็มีถึง 7 ผู้ที่ได้ผลสำเร็จผลิตมาจากอะคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ว่าจะเป็น ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์, หน้าจอฟฟ์ เบนท์, โรเจอร์ เบิร์น, เอ็ดดี้ วัวลแมน, มาร์ค โจนส์, เดวิด เป็กก์ รวมทั้ง เลียม วีแลน
แม้กระนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังมานะส่งเสริมนักฟุตบอลจากอะคาเดมี่ของพวกเขาขึ้นสู่กลุ่มชุดใหญ่เรื่อยแล้วก็ภายหลังรอมานาน แนวนโยบายดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นก็ได้ผลตอบแทนที่คุ้มในสมัยของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดยสมัยก่อนบรมผู้จัดการทีมชาวสกอตต์สร้างกลุ่มด้วยการใช้หน้าแข้งดาวรุ่งจากอะคาเดมี่ของกลุ่มเป็นแกนหลัก จนได้แชมป์เยอะแยะ แล้วก็ทำให้ "คลาส ออฟ 92" เปลี่ยนเป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้
โดยรวมแล้วมีที่ปรึกษาของพวกเขาทั้งผอง 15 คน ที่มีส่วนสำหรับการใส่ชื่อหน้าแข้งจากอะคาเดมี่อยู่ในรายนามกลุ่มชุดใหญ่ในการลงเล่นเกมลีก 3,999 ครั้งติดต่อกัน รวมทั้งกุนซือคนตอนนี้ของพวกเขาที่ชื่อว่า โซลชา ก็ให้ความใส่ใจในด้านนี้เช่นเดียวกัน เพราะว่าเขารู้ว่ามันเป็นดีเอ็นเอของกลุ่ม จากการที่ โซลชา เคยเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ยิ่งไปกว่านี้ โซลชา ก็เคยเป็นผู้จัดการทีมให้กลุ่มสำรองของ แมนฯ ยูไนเต็ด เช่นกัน แล้วก็มันก็ทำให้เขาได้ร่วมงานกับเยาวชนคนไม่ใช่น้อย
ความเอาจริงเอาจังสำหรับการส่งเสริมหน้าแข้งจากอะคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถมองดูได้จากกรุ๊ปสตาฟฟ์ของ โซลชา เช่นเดียวกัน ดังเช่น ไมค์ ฟีแลน ที่มีประสบการณ์โชกโชนในการพัฒนาเยาวชน แล้วก็ คีแรน แม็คเคนน่า อดีตกาลสตาฟฟ์ของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
ฤดู 2018-19 นับว่าเป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังของ แมนฯ ยูไนเต็ด หากดูถึงเรื่องผลงาน พวกเขาได้เพียงแค่ชั้น 6 ในลีก, อดเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในช่วงฤดูกาล 2019-20 แล้วก็จบฤดูกาลแบบมือเปล่า แต่ว่าในด้านปรัชญาการส่งเสริมลำแข้งจากอะคาเดมี่ พวกเขายังมิได้ทิ้งมันไป
ในช่วงฤดูกาลที่แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด มอบโอกาสนักฟุตบอลที่จบจากอะคาเดมี่ของพวกเขาได้ลงเล่นในเกมลีกสูงถึง 9,334 นาที มากยิ่งกว่าทุกครั้งมใน พรีเมียร์ลีก ในตอนที่จาก 65 ประตูในลีกที่พวกเขาทำเป็นนั้น มันก็มีถึง 30 ลูก ที่มาจากผลงานของผลิตผลจากอะคาเดมี่ของกลุ่ม คิดเป็น 46 เปอร์เซ็นต์จากประตูทั้งสิ้นที่พวเขาทำเป็น และก็มันก็ทำลายสถิติเดิมของ คลาส ออฟ 92 ที่ยืนยาวมาตั้งแต่ฤดู 1995-96 ได้ เนื่องจากขณะนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูจากหน้าแข้งในอะคาเดมี่ของพวกเขา 41 เปอร์เซ็นต์จากปริมาณประตูทั้งหมดทั้งปวงที่กลุ่มยิงได้ในลีก
ในขณะที่ในช่วงฤดูกาล 2016-17 กับ 2017-18 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังเปิดโอกาสลำแข้งจากอะคาเดมี่มีชื่ออยู่ในกลุ่มชุดใหญ่สำหรับเพื่อการลงเล่นเกมลีกอยู่เรื่อยถึงแม้ว่าในขณะนั้นผู้จัดการทีมฟุตบอลของพวกเขาจะเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ ที่มีภาพลักษณ์ว่าไม่ค่อยสนับสนุนลำแข้งดาวรุ่งมากแค่ไหนก็ตาม
ต่อจากนี้แนวโน้มการเปิดโอกาสหน้าแข้งจากอะคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูท่าจะยังไม่ผ่อนลงไป ไม่ว่าจะเป็น แรชฟอร์ด, แม็คโทมิเนย์, ปอล ป็อกบา หรือ ลินการ์ด ที่ได้ลงเล่นมาโดยตลอดตั้งแต่ฤดูก่อนๆและก็จะยังได้ลงเล่นถัดไปภายหลังจากนี้ (ในกรณีของ ป็อกบา ถ้าเกิดไม่ย้ายไปไหนเสียก่อน) รวมทั้งนักฟุตบอลอย่าง กรีนวู้ด, วิลเลี่ยมส์ และก็ ตวนเซเบ้ ที่นับว่าเป็นอะไหล่ลำดับแรกๆกระทั่งคงจะได้ลงเล่นหลายนัดหมายในฤดูกาลนี้ แถมยังมีคนอย่าง เจมส์ การ์เนอร์, อังเคล โกเมส และก็ ทาฮิธ ชอง ที่รอคอยโอกาสอยู่ลึกๆอีก
ดังนี้ ถ้าเกิดให้กล่าวถึงเกมลีกที่น่าสดชื่นเยอะที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงฤดูกาลนี้แล้วล่ะก็ บรรดา "เร้ด อาร์มี่" ก็บางครั้งก็อาจจะเลือกเกมที่ชนะ แมนฯ ซิตี้ คู่แข่งร่วมเมือง 2-1, นัดหมายเชือด สเปอร์ส 2-1 ที่เป็นการต้อนรับ มูรินโญ่ กลับสู่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หรือนัดหมายเปิดฤดูกาลที่ชนะ เชลซี 4-0 แต่ว่าหนึ่งในเกมที่น่าดึงดูดเป็นอย่างมากเป็นเกมที่พวกเขาเสมอกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-3
มูลเหตุก็เพราะว่าในวันนั้นผู้ที่ทำแต้มให้ แมนฯ ยูไนเต็ด สำเร็จผลิตในอะคาเดมี่ของพวกเขาเองทั้งปวง มี วิลเลี่ยมส์, กรีนวู้ด และก็ แรชฟอร์ด ทำให้มันนับว่าเป็นทีแรกนับจากม.ย. ปี 1996 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูในเกมลีกจากนักฟุตบอลที่จบจากอะคาเดมี่ของพวกเขา 3 ลูกขึ้นไป โดยทีนั้นเป็นเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 5-0 ซึ่งวันนั้น พอล สวัวลส์, เดวิด เบ็คหมูแฮม รวมทั้ง ไรอัน กิ๊กส์ ทำแต้มให้กลุ่มได้
ในวันที่เสมอกับ เชฟฯ ยูไนเต็ด ถ้าหาก "อะคาเดมี่" มันมีชีวิตราวกับคนแล้วล่ะก็ เขาก็คงจะยิ้มอย่างสุขสบายในระดับหนึ่งอย่างยิ่งจริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น